ความรู้สึกขณะใส่แจ็คเก็ตที่ดีควรจะเป็นอย่างไร?

L1001230.jpg
เราต้องเข้าใจกันก่อนครับว่า “ฟิตติ้งที่ใหญ่ขึ้นกับฟิตติ้งที่หลวมนั้นต่างกัน”
ฟิตติ้งที่หลวมคือฟิตติ้งที่ตัดมาเพื่อให้อีกคนหนึ่งที่สัดส่วนร่างกายใหญ่กว่าเราสวมใส่ เช่น เมื่อใส่แล้วไหล่ตกจนน่าเกลียด แขนยาวเกิน คอใหญ่ไป ผ้าบริเวณอกหรือหลังเหลือ สังเกตได้จากผ้าที่เหลือเยอะจนดูโคร่งและมีรอยยับย่นตามจุดต่างๆเยอะจนเกินพอดี 
ในขณะที่ฟิตติ้งที่ใหญ่คือฟิตติ้งสำหรับเราที่มีการ Relax หรือปล่อยบางส่วนให้สบายขึ้น ผ้าก็จะเหลือเพิ่มหากเทียบกับ Slim Fit แต่ผ้าที่เหลือนี้เองจะทำให้เกิดการ Drape ของผ้าที่เมื่อทิ้งตัวตามสัดส่วนของเราแล้วจะไม่เกิดเป็นรอยยับย่นแต่อย่างใด หรือดู Clean นั่นเอง
L1001170.jpg
ความรู้สึกขณะใส่แจ็คเก็ตหรือสูทก็เช่นกัน  จุดประสงค์ของการสวมใส่เครื่องแต่งกายประเภทนี้ก็เพื่อ “Shape Silhouette” หรือสร้างลุคของความมีกล้ามอก เอวเล็กลงตามสัดส่วนอกที่ใหญ่ขึ้น ไหล่ผาย และแขนใหญ่ ดังนั้นสูทหรือแจ็คเก็ตที่รัดแน่นจนเกินไปไม่ได้ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้เลย กลับกันจะเป็นการเน้นย้ำสัดส่วนที่ไม่พึงประสงค์ของเราออกมาให้ชัดขึ้นเสียมากกว่า
L1001187.jpg
และแน่นอนว่า ฟิตติ้งที่ดีคือเราสามารถขยับแขน ขา หรือท่าทางต่างๆได้อย่างเป็นธรรมชาติและสบายมากที่สุดโดยไม่รู้สึกว่ามีการดึงรั้งใดๆจากแจ็คเก็ตจนรู้สึกอึดอัด บางท่านเข้าใจว่าใส่สูทแล้วไม่สบายตัวเลยไม่ชอบใส่ ก็เป็นเพราะเลือกฟิตติ้งที่เป็น Slim Fit หรือใส่ “พอดีตัวหรือแน่น” จนเกินไป
ขณะเดียวกัน ด้วยความเป็น Slim Fit จึงทำให้แจ็คเก็ตนั้นโอบเราไว้แน่นจนไม่มีผ้าเหลือ นอกจากใส่ไม่สบายแล้วยังไม่ทำให้เกิดการทิ้งตัวของผ้าที่สวยงาม เกิดเป็นเส้นจากการดึงรั้งของผ้า หรือการยับเป็นขยูดจากการรัด ดูไม่ Clean และดูเหมือนว่าเราใส่แจ็คเก็ตตัวเล็กเกินไปครับ
Previous
Previous

ไม้แขวนกางเกงนั้นสำคัญไฉน

Next
Next

ใส่สูท หรือแจ็คเก็ตคู่กับกางเกงเอวสูง มันดียังไงกันนะ?