Seersucker Jacket - หนึ่งในผ้าที่ใส่สบายที่สุดสำหรับอากาศร้อนนรกของประเทศไทย

Seersucker Jacket โดย Orazio Luciano ผ้า Cotton ลาย Original Pinstripe สีฟ้า เสื้อเชิ้ต Stripe สีน้ำตาลเข้ม จับคู่กับกางเกง Double Pleated ผ้า Cotton สีเบจ เข็มขัดสีน้ำตาลเข้มหนังกลับ Hardware สีทอง และรองเท้า Loafer สีน้ำตาลเข้มหนังเรียบ

ผ้าชื่อแปลกๆตัวนี้บางท่านอาจจะไม่เคยได้ยิน แต่หากได้เห็นแล้วผมรับรองว่าต้องอ๋อแน่นอน เพราะมันเป็นผ้าที่หากเราใส่เป็นสูททั้งตัวแล้วจะเหมือนว่าเราใส่ชุดนอนยังไงยังงั้น 

ในตอนแรกๆที่ผมเห็นผ้าตัวนี้ ผมไม่เคยคิดว่าจะชอบหรือได้เอามาใส่จริงๆ เพราะผมรู้สึกว่าใส่แล้วไม่เข้ากับหน้าตาตัวเองเท่าไหร่ หากเป็นเฮียหน้าเข้มๆคมๆใส่ผสมลุคออกมาน่าจะเหมาะกว่าหน้าอาแป้ะกลมๆแบบผมใส่ สุดท้ายด้วยความอยากลองผมเลยเลือกแจ็คเก็ตผ้า Seersucker มาใส่ พอได้ใช้จริงๆจังๆผมกลับชอบมันมากเลยครับด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง

เอกลักษณ์ของผ้า Seersucker ที่มี Texture เป็นคลื่นๆขยูดๆ

เอกลักษณ์ของผ้า Seersucker ที่เด่นชัดและเป็นสไตล์ที่พบได้ในเฉพาะผ้าชนิดนี้คือ ผ้ามันเป็นคลื่นๆครับ หากเรามองตามแนวยาวของผ้าจะเห็นความนูนและความยุบของเนื้อผ้าสลับกันไปเรื่อยๆ ดูไกลๆเหมือนผ้ายับๆนั่นแหละครับ แต่เป็นการยับที่มีแบบแผนจากการทอให้ความตึงของผ้าไม่เท่ากัน โดยเป็นเทคนิคของการทอเส้นใยผ้าให้แน่นและทอให้หลวมๆสลับกันไป เกิดเป็นความตึงของผ้าที่ต่างกันในผ้าผืนเดียว ดังนั้นผ้า Seersucker เป็นผ้าที่ทอให้ยับด้วยความตั้งใจนะครับ อย่าพยายามเอาไปรีดให้มันเรียบเชียวเพราะผ้ามันไม่เรียบให้แน่นอน

สมัยก่อนนี้ Original ของความยับของ Seersucker จะมาจากใช้ผ้าผสมระหว่าง Cotton และ Silk ซึ่งเค้าสวมใส่กันในประเทศอินเดีย ผ้าผสมตัวนี้เวลาเอาไปซัก ส่วนผสมของผ้าที่เป็น Cotton มันจะหดมากกว่าขณะผ้า Silk ไม่ได้มีอาการหดเกิดขึ้น ทำให้มีอาการเนื้อผ้ายับเป็นคลื่นๆ ซึ่งก็คล้ายกับเทคนิคการทอปัจจุบันที่ทอสลับความตึงของผ้าครับ

เมื่อผสมลุคออกมาจริงๆ Seersucker ก็ไม่ได้ดูเหมือนชุดนอนแบบที่ผมคิดไว้ตอนแรก แต่ได้ความชิล สบายๆ และ Relax

ผ้า “Seersucker” มีที่มาที่เก๋มากครับ ผ้าตัวนี้ถูกค้นพบในประเทศอินเดียในช่วงที่ตกเป็นประเทศเมืองขึ้นโดยทหารอังกฤษช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ชื่อ “Seersucker” เป็นคำที่แผลงมาจากภาษาอินเดียที่ออกเสียงว่า “Shir-Shakar” แปลว่า “Milk and sugar” คนอินเดียเค้าตั้งชื่อนี้เพราะว่าความยวบสลับนูนของผ้านี้มันเหมือนกับเวลาเราเทน้ำตาลลงบนนม ซึ่งบนผิวบนสุดเนี่ยบางจุดน้ำตาลมันจะละลายไปก่อน บางจุดก็ยังละลายไม่หมด เกิดเป็น Texture ของความยวบและนูนสลับกันไปนั่นเองครับ

ด้วยความที่อากาศในอินเดียร้อนมาก จึงทำให้ทหารอังกฤษเค้าเอาผ้า Seersucker ไปใส่กันจนเริ่มเป็นที่แพร่หลายในแวดวงประเทศเมืองขึ้นของอังกฤษที่อยู่ในเขตร้อน ซึ่งไปๆมาๆผ้าตัวนี้มันก็ไปโผล่อยู่ที่อเมริกาจากธุรกิจการค้าขายระหว่างประเทศ โดยมีกลุ่มผู้ใช้แรงงานได้นำผ้าตัวนี้ไปใส่กันเป็น Workwear ในช่วง Summer ใส่ทำงานกล้างแจ้งในช่วงที่อากาศร้อนกันจนเป็นที่นิยมไปอีก ทั้งเวอร์ชั่นที่เป็นเสื้อเชิ้ตและแจ็คเก็ตโดยเฉพาะ Chore Jacket โดยสีดั้งเดิมที่เป็น Origial Shir-Shakar นี่ก็คือสีฟ้า Pinstripe นี่แหละครับ

จะเห็นได้เลยครับว่า Seersucker มีที่มาจากสาย Rugged Workwear และ Military Use ทั้งหมด เพราะด้วยความที่ผ้าใส่สบาย ไม่ร้อน ระบายอากาศได้ดี และทนทานต่อการขาดลุ่ย เป็นผ้าที่ Functional หรือใส่ใช้ทำงานได้จริงโดยไม่ต้องระวังอะไรมาก คล้ายกับที่มาของ Denim หรือผ้ายีนส์

จนกระทั่งบริษัทหนึ่งในอเมริกาชื่อ “Haspel” ตั้งอยู่ใน New Orleans ได้นำผ้า Seersucker มาใช้ในการขึ้นสูททั้งตัวสำหรับใส่เป็น Summer Suit ที่ให้ลุคของความชิลและมู้ดที่สบายๆของบรรยากาศชายทะเลของแถบ New Orleans ซึ่ง Miles Davis ก็ได้นำสูท Seersucker ไปใส่ในการแสดง Jazz Festival และใช้สูทตัวนี้ถ่ายรูปลงปกอัลบั้มในปี 1958 บวกกับ The Duke of Windsor ได้ใส่สูท Seersucker ซึ่งเจอในรูปถ่ายที่กำลังไปพักร้อนที่เกาะ Bahamas ทำให้ผ้า Seersucker เริ่มแจ้งเกิดในวงการสูทตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

สี Original ของ Seersucker ที่ว่ากันว่าเหมือนชุดนอน ก็คือสีนี้นี่แหละครับ

ต่อมา เด็กมหาวิทยาลัยที่อยู่ใน Ivy League ได้เอาไปใส่กันจนกลายเป็นหนึ่งใน Preppy Style ลามไปจนถึงนักการเมืองและผู้มีอันจะกินใน Upper Class สูท Seersucker เลยกลายเป็นสูทที่เอาไว้ใส่เพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อนกันในหมู่เศรษฐี ผู้คนจึงเริ่มมองว่า Seersucker เป็นสูทที่แสดงถึง Political Class บางอย่างของผู้ชายไป เกิดเป็นการแบนผ้า Seersucker อยู่ระยะเวลาหนึ่ง

เราพูดถึงที่มาเมื่อสมัย 60-70 ปีก่อนของ Seersucker กันมาแล้ว ในปัจจุบันผ้าผ้าตัวนี้เป็นที่นิยมกันแพร่หลายมากสำหรับใส่กันในหน้าร้อน ซึ่งสำหรับประเทศแถบร้อนอย่างบ้านเรานี้จะเหมาะมากครับสำหรับใส่เป็นสูทหรือแจ็คเก็ต ด้วยความที่เนื้อผ้ามันเป็นคลื่นๆขยูดๆ ทำให้เวลาเราคลุมแจ็คเก็ตทับบนตัวแล้ว “ผ้ามันจะไม่ได้แนบเนื้อ” ครับ ทำให้ใส่แล้วไม่อับ สามารถระบายอากาศได้ดีมากๆ เดิมแจ็คเก็ตผ้า Cotton จะให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างหนักและอับหากเป็นผ้าที่มีน้ำหนักเยอะ แต่ลืมไปได้เลยครับสำหรับ Seersucker คือใส่แล้วเหมือนไม่ได้ใส่ยังไงยังงั้น เบา สบาย โล่ง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากผ้าลินิน

“Haspel” The Originator of Seersucker Suit

เดิมแล้วผ้า Seersucker จะเป็นผ้า Cotton แต่ปัจจุบันมี Seersucker ทั้งที่เป็นผ้า Wool รวมถึงผ้าผสมหลากหลายให้เลือกใช้ และมีสีหลากหลายนอกจาก Original Pinstripe สีฟ้า โดยมีจุดสังเกตว่า Seersucker แท้ๆ จะต้องขยูดขึ้นลงเป็นคลื่นนะครับ มองจากด้านข้างต้องเห็นชัดเจนเพราะเป็นการขยูดโดยการทอ ไม่ใช่จากการใช้สารเคมี ที่เมื่อใช้ไปเรื่อยๆแล้วรอยขยูดจะค่อยๆหายไป

นอกจากนั้นไม่ต้องกลัวครับว่าใส่แล้วจะยับ เพราะมันยับมาอยู่แล้วตั้งแต่แรก ขณะที่สวมใส่ระหว่างวันรอยยับของผ้าจะเกิดขึ้นใหม่ได้ตาม Posture ของเรา เช่นถ้านั่งเยอะรอยยับก็จะเกิดช่วงหลังหรือช่วงแขน แต่แปลกครับที่พอแขวนทิ้งไว้ข้ามคืน รอยยับที่เป็นปื้นใหญ่ๆที่เกิดจากการใช้งานมันเด้งออกหายไปได้เอง เหลือแต่รอยยับขยูดปกติที่เกิดจากการทอ ซึ่งก็เป็นคาแรคเตอร์ของ Cotton ที่ผมไม่เคยเจอเหมือนกัน

Seersucker เป็นผ้าที่เมื่อใส่จริงๆแล้วมันให้คาแรกคเตอร์ที่เหนือความคาดหมายผมหลายอย่าง ทั้งใส่สบาย หยิบมาใส่ง่าย ยับยาก และให้ลุคชิลๆแบบที่ผมต้องการ

แล้ว Seersucker แจ็คเก็ตหรือสูทนี่มัน Casual หรือ Formal ขนาดไหน?

ผมจัด Seersucker ตัวนี้ให้เป็นแจ็คเก็ตที่อยู่ในช่วง Business Casual คือมีความ Casual ที่ค่อนข้างสูง อย่างแรกคือในบ้านเรายังไม่ค่อยคุ้นเคยกับแจ็คเก็ตหรือสูทที่เป็น Seersucker กันสักเท่าไหร่ ทำให้เวลาใส่จริงๆอาจจะโดนมองว่าใส่ชุดนอนออกจากบ้านหรือแต่งตัวไม่เรียบร้อย แต่ก็ขึ้นอยู่กับสีของผ้าและชนิดของผ้าด้วยนะครับ ถ้าเลือกเป็นผ้า Wool สี Navy Blue ก็จะสามารถเพิ่มความ Formal เข้าไปได้เพราะความขยูดจะดูไม่ชัดเท่ากับลาย Pinstripe ที่สว่าง 

ในอเมริกาเค้าเป็นที่ยอมรับกันว่าสูท Seersucker สามารถใช้ใส่ออกไปทำงานได้จริงๆ แต่การที่จะใส่ Seersucker ในบ้านเราอาจจะต้องเลือก “โอกาส” ที่จะใส่สักนิดนึง ถ้าสุ่มเสี่ยงว่าคนที่เราจะไปเจอหรืองานที่เราจะไปค่อนข้าง Conservative ก็ยังไม่ควรหยิบ Seersucker มาใส่ครับ แต่การใส่ไปเจอเพื่อน ไปสังสรร ใส่เที่ยว ใส่สบายๆวันหยุด หรือใส่ในโอกาสที่เราประเมินสถานการณ์แล้วว่า “รอด” ผมแนะนำว่าหยิบมาใส่เลยครับ ได้สไตล์ที่แตกต่าง ได้ Flare บางอย่างที่ผมชอบ คือได้ความชิล Relax สบายๆแบบเป็นกันเอง ได้ความ Sprezzatura และนำมา Mix & Match ได้ง่ายมากๆครับ