LONGINES Master Collection - Dress Watch ที่ผสมผสานความเป็น Classic & Contemporary Style ได้อย่างลงตัว

IMG_0066 copy 2_label.jpg

นาฬิกาเป็น Accessory หรือเครื่องประดับที่อยู่คู่กับคุณสุภาพบุรุษกันมาเนิ่นนานมากตั้งแต่ยุคสมัยของนาฬิกาที่เป็นแบบ Pocket Watch จนกระทั่งเมื่อร้อยกว่าปีก่อนที่ได้พัฒนามาเป็นนาฬิกาข้อมือหรือ Wrist Watch แบบในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นการเลือกนาฬิกาข้อมือเพื่อใช้เป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่จะสื่อถึง Personal Style จึงเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับ Classic Menswear มานานแล้วเช่นกัน

ถ้าพูดถึงนาฬิกาแล้ว นาฬิกาที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกมาเป็นระยะเวลานานก็คือ นาฬิกาที่ขึ้นชื่อว่า “Swiss Made”

IMG_0045 copy 2_label.jpg

LONGINES ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาที่ผ่านประวัติศาสตร์ อยู่คู่กับวงการนาฬิกาสวิสมาเป็นระยะเวลากว่า 189 ปี (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1832) ถือได้ว่าเป็นแบรนด์นาฬิกาที่มาอายุเก่าแก่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ลองจินส์ก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้จับเวลาการแข่งขันกีฬาระดับโลกมากมาย เช่น กีฬาแข่งม้า สกี ยิงธนู เทนนิส โดยในปัจจุบัน นาฬิกาเจ้าของโลโก้รูปนาฬิกาทรายติดปีกยังเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท สวอทช์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาช้ันนำระดับโลกและยังวางจาหน่ายในประเทศต่างๆทั่วโลกกว่า 150 ประเทศ 


สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Longines จะเป็นสไตล์ที่เรียกได้ว่าเป็นการบ่งบอกถึงความหรูหราหรือ Elegance ที่มีการคงความ Classic ไว้อย่างชัดเจน ตามคติของแบรนด์ที่มี Vision ว่า “Elegance is an attitude” 

IMG_0138 copy 2_label.jpg

ในบทความนี้ผมมีนาฬิกาตัวหนึ่งจาก LONGINES ที่ถือได้ว่าเป็นไลน์ของนาฬิกาที่เป็นไลน์ท็อปสุดที่มีในปัจจุบันซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2005 นั่นก็คือไลน์ “The Master Collection” พูดกันง่ายๆคือเป็นไลน์หลักของ LONGINES ที่เค้าจะใส่ออปชั่นหรืองานฝีมือมาให้หมดแบบไม่ยั้ง เป็นไลน์ของนาฬิกาที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถและงาน Craftsmanship ทั้งหมดที่เป็น Heritage ตกทอดมาตั้งแต่อดีต ซึ่งเรือนที่ผมจะนำมารีวิวในบทความนี้ เป็นนาฬิกาเรือนล่าสุดจาก The Master Collection นั่นก็คือ The Master Collection “Moonphase”


DSC04217 copy_label.jpg
  • Design Language  

นาฬิกาเรือนนี้จาก LONGINES Master Collection เรือนนี้โดยรวมเป็นนาฬิกาที่มีดีไซน์ค่อนมาทาง Dress Watch ที่ให้ฟีลของความ Elegance แบบเรียบหรูดูดี แต่ก็ไม่ได้เป็น Dress Watch เรียบๆแบบที่เราคุ้นเคยกัน ก็เพราะดีเทลแต่ละจุดบนตัวหน้าปัดที่มีการ Twist รายละเอียดเพิ่มเข้าไปหลายๆอย่าง ทำให้นาฬิกาเรือนนี้เป็นนาฬิกาที่สามารถหยิบมาสวมได้ง่ายมาก 

สำหรับตัวที่ผมได้มารีวิวในบทความนี้ เป็น LONGINES Master Collection Moonphase รหัส L2.909.4.78.3 ตัวเรือนนาฬิกาเป็นทรงกลมทำมาจากวัสดุ Stainless Steel แบบปัดเงาที่ให้ความเงาแบบ High Polish คือเงาวับแบบใสกิ๊ง มีขนาดเส้นรอบวงอยู่ที่ 40 mm ซึ่งก็เป็นไซส์ที่สามารถใส่ได้ง่าย มีความ Contemporary ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป  

IMG_0131 copy_label.jpg

สไตล์ของตัวเคสเป็นสไตล์ที่มีความ Classic ในรูปแบบของ Dress Watch ชัดเจนเลยครับ โดยขอบ Bezel ส่วนบนจะโค้งนูนแล้วมาจบที่ขอบกระจก Sapphire ส่วนตัวเคสด้านล่างจะเน้นเส้นสายที่โค้งมนชดช้อยไปจบที่ Lug ของทุกๆฝั่ง ไม่มีขอบส่วนใดที่เป็นขอบแหลมคมเลย เป็น Design ที่แสดงออกถึงคาแรคเตอร์ของ Swiss Dress Watch ในสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี 

DSC04306 copy_label.jpg

 ตัวเรือนจะหนาอยู่ที่ 11.1 mm ซึ่งก็เป็นความหนาที่กำลังเหมาะสมที่ตัวนาฬิกาจะสามารถสไลด์ผ่าน Cuff ของปลายแขนเสื้อเชิ้ตเข้าไปได้โดยที่ไม่มีปัญหาใดๆ 

นาฬิกามี Water Resistant ที่สามารถกันน้ำได้ที่ 3 บาร์หรือที่น้ำลึกสูงสุด 30 เมตร ซึ่งก็เพียงพอและเหลือๆเลยสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่เราอาจจะต้องเจอฝนตกบ้าง โดนอะไรหกใส่บ้าง หรือล้างมือแล้วนาฬิกาไปโดนน้ำ หมดห่วงเรื่องปัญหาน้ำซึมเข้าเครื่องหรือหน้าปัดได้เลย

ฝาหลังแบบเปลือยโชว์เครื่อง L899 โดยรอบๆฝาหลังมีการลักรายละเอียดของนาฬิกาไว้อย่างชัดเจน

ฝาหลังแบบเปลือยโชว์เครื่อง L899 โดยรอบๆฝาหลังมีการลักรายละเอียดของนาฬิกาไว้อย่างชัดเจน

กระจกด้านหน้าเป็น Sapphire Crystal หมดกังวลเรื่องรอยขีดข่วนหรือรอยขนแมว ในส่วนของ Case Back หรือฝาหลังเป็นแบบเปลือยหรือเป็นฝาแบบโชว์เครื่องทำให้เราสามารถพลิกนาฬิกากลับมาดูการทำงานของกลไกและความสวยงามการลงดีเทลในงานปัดตกแต่งในแต่ละชิ้นส่วนได้อย่างชัดเจน ซึ่งกระจกที่ใช้ในฝาหลังก็เป็นแบบ Sapphire เช่นเดียวกัน  

สายหนังแอลิเกเตอร์ (Alligator) แท้สีน้ำตาลที่มีการเดินด้ายสี Off White และรับกับสีของหน้าปัดนาฬิกาที่เป็นสีเงินแบบ Barleycorn มาก

สายหนังแอลิเกเตอร์ (Alligator) แท้สีน้ำตาลที่มีการเดินด้ายสี Off White และรับกับสีของหน้าปัดนาฬิกาที่เป็นสีเงินแบบ Barleycorn มาก

ระยะ Lug to Lug หรือขนาดของหูสายจะอยู่ที่ 21 mm โดยสายหนังเป็นหนังแอลิเกเตอร์ (Alligator) แท้สีน้ำตาล ซึ่งจะเป็นคนละกลุ่มกับจระเข้ ทำให้มีความ Premium สูงกว่าสายหนังจระเข้ทั่วไป สายเป็นสายสีน้ำตาลเข้มที่มี Contrast Stitching หรือการเดินด้ายโดยใช้ด้ายสีออก Off White ติดไปทางโทนสีครีมนิดหน่อย มากับระบบการปิดสายแบบ Double Clasp เป็นตัวล็อคแบบบานพับที่จะช่วยเรื่อง Safety 3 ชั้น ป้องกันไม่ให้หัวล็อคและบานพับหลุดขณะสวมใส่

ระบบการเปิดปิดสายแบบ Double Clasp มีตัวอักษรและโลโก้ LONGINES อยู่

ระบบการเปิดปิดสายแบบ Double Clasp มีตัวอักษรและโลโก้ LONGINES อยู่

เรามาพิจารณากันที่หน้าปัดของนาฬิกากันก่อนดีกว่าว่ามีดีเทลอะไรที่น่าสนใจบ้าง

IMG_0032 copy_label.jpg

หน้าปัดเรือนนี้เป็นสีเงินที่มีการติดเฉดแบบ Barleycorn นั่นก็คือสีหน้าปัดจะไม่ใช่สีขาวแบบขาวจั๊ว ไม่ใช่สีเงินที่เงาวับ แต่จะออกเป็นโทนสี Off White ติดโทนไปทางสีครีมหน่อยๆ โดยหน้าปัดจะมีการแกะสลักเป็น Texture เล็กๆเรียงกันไปทั่วทั้งตัวหน้าปัด ซึ่งจะเป็นตัวที่มีผลอย่างมากเมื่อหน้าปัดโดนแสงในเวลาและสถานที่ที่แตกต่างกัน บางมุมแสงก็จะเห็นเงาของ Texture นี้ขึ้นมาได้ชัดเจน แต่ในบางมุมแสงก็จะเห็นเป็นลายบางๆเท่านั้น เมื่อพิจารณาในเรื่องของสีหน้าปัดและ Texture Dial ที่ค่อนข้างจะ Subtle แล้วเป็นดีไซน์ที่ดูดีให้ความรู้สึกแบบเรียบหรูมาก

รายละเอียดหน้าปัดแบบ Textured Dial สี Barleycorn

รายละเอียดหน้าปัดแบบ Textured Dial สี Barleycorn

ที่ 6 นาฬิกามีตัวอักษร “SWISS MADE” แสตมป์ลงไป ยืนยันความเป็น Original Watchmaker จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ที่ 6 นาฬิกามีตัวอักษร “SWISS MADE” แสตมป์ลงไป ยืนยันความเป็น Original Watchmaker จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ตัวเลขบอกชั่วโมงและนาทีเป็นตัวเลขอารบิคสีดำโดยใช้วิธีการ Print ลงบนตัวหน้าปัด ฟ้อนต์ของตัวเลขอารบิคก็เป็นหนึ่งใน Element ที่สำคัญมากสำหรับลุคของนาฬิกาเรือนนี้ จะสังเกตได้จากตัวเลขที่มีการตวัดหางและปลายอย่างเลข 2, 6 และ 9 เลขตัวอื่นๆก็จะมีดีไซน์ในทำนองเดียวกันที่เน้นหัวและปลายของตัวเลขให้ชัดโดยเส้นเชื่อมแต่ละเส้นบนตัวเลขจะมีน้ำหนักการลงความหนาที่ไม่เท่ากัน ให้ Mood & Feel ที่มีความ Classic ชัดเจน

ดีเทลอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจนั่นก็คือ เราจะเห็นว่ารอบๆขอบหน้าปัดที่เป็น Texture Dial จะมีชิ้นขอบอีกชิ้นหนึ่งที่มีการพิมพ์ตัวเลขและขีดบอก “วินาที” ลงไป ซึ่งโดยปกติแล้วเราอาจจะคุ้นชินกันกับลักษณะของการ Print ขีดหลักวินาทีลงบนตัวหน้าปัดกัน แต่ Longines เรือนนี้ได้ย้ายดีเทลของหลักบอกวินาทีแยกไปไว้เป็นอีก Element หนึ่งที่ขอบหน้าปัดแยกเป็นอีกชิ้นเลย

DSC04214 copy_label.jpg

 ดีไซน์ของขอบหน้าปัดด้านในอีกชิ้นหนึ่งที่แสดงหลักวินาทีและมีตัวเลขแสดงทุกๆ 5 วินาทีนั้นเป็นสไตล์ที่ส่วนใหญ่เราจะเจอได้ใน Sport Watch หรือเป็นดีไซน์ที่เราสามารถอ่านและนับวินาทีที่ละเอียดได้อย่างรวดเร็ว เช่นในนาฬิกา Chronograph ซึ่งสำหรับเรือนนี้ก็ได้มีการหยิบ Design Element ส่วนนี้มาผสมผสานเข้าไปในนาฬิกาที่เป็น Dress Watch ได้อย่างลงตัว ดีเทลตรงนี้เองแหละครับที่เป็นตัวที่ทำให้ Silhouette ของนาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้มีความ Dress จ๋าๆ เป็นการเพิ่มความ Sport Casual ให้มีมากขึ้น ส่งผลทำให้นาฬิกาสามารถหยิบไปใส่ได้ในหลากหลายโอกาสและหลากหลาย Outfit มากขึ้นตามมา

 ดีไซน์และฟังก์ชั่นที่พิเศษสำหรับนาฬิกาเรือนนี้อีกจุดหนึ่งก็คือ นาฬิกามีหน้าปัดแบบ Subdial บริเวณ 6 นาฬิกาใช้ในการบอก “วันที่และ Moonphase” โดยหน้าปัด Moonphase เป็นหน้าปัดที่ใช้ในการบอกข้างขึ้นข้างแรม จะมีการโชว์ลักษณะของพระจันทร์ที่จะเริ่มจากเสี้ยวค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นพระจันทร์เต็มดวง แล้วก็ค่อยๆกลับไปเป็นเสี้ยวและหายเข้าไปใน Dial เป็นการแสดงถึงข้างขึ้นข้างแรมจริงๆตาม Lunar Cycle ซึ่งในช่วงที่เราไม่ได้เห็นพระจันทร์บนท้องฟ้า ในหน้า Moonphase ก็จะมีการโชว์เป็นรูปดวงดาวแทน ดีเทลตรงนี้ของ Moonphase นี้เองครับเป็นอะไรที่ช่างเซ็กซี่และให้ความโรแมนติกเสียเหลือเกิน

DSC04274 copy_label.jpg

จริงๆแล้วในปัจจุบันการบอก Moonphase อาจจะไม่ได้มีความสำคัญมากเท่ากับในสมัยก่อนที่การ Track เวลาผ่านวิธีที่เรียกว่า “Lunar Cycle” ยังเป็นหนึ่งในวิธีการในบอกวันในแต่ละเดือน อย่างในประเทศไทยเราที่ตั้งวันลอยกระทงเป็น “วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12” อะไรแบบนี้เองครับ ดังนั้นฟังก์ชั่น Moonphase หรือการบอกข้างขึ้นข้างแรมในนาฬิกาข้อมือในปัจจุบันจึงเรียกได้ว่าเป็น Heritage ที่มีประวัติศาสตร์มาจากในสมัยก่อน นอกจากการเพิ่มฟังก์ชั่นนี้เข้าไปยังเป็นการเพิ่ม Complication ของนาฬิกาที่แสดงถึงความสามารถของ Brand ในการออกแบบ Movement อีกด้วย

ตัวชุดเข็มทั้งหมดเป็น Stainless Steel สีน้ำเงินที่มีรูปทรงอ่อนช้อย ได้ฟีลลิ่งของความเป็น Luxury Dress Watches 

ตัวชุดเข็มทั้งหมดเป็น Stainless Steel สีน้ำเงินที่มีรูปทรงอ่อนช้อย ได้ฟีลลิ่งของความเป็น Luxury Dress Watches 

กลไก L899 Automatic

กลไก L899 Automatic

  •  Mechanical Perspective (กลไก) 

สำหรับตัวเครื่อง Automatic ที่อยู่ในนาฬิกา LONGINES Master Collection ตัวนี้มีรหัสหรือ Caliber “L899” จากที่เราได้คุยกันแล้วในตอนแรกว่า Longines เป็นแบรนด์ที่อยู่ภายใต้เครือ Swatch Group ซึ่ง Longines สามารถหยิบเครื่อง ETA ในรุ่น Model ที่อยู่ใน Standard Production อยู่แล้วจาก ETA มาใช้งานเลยก็ได้ครับ ไม่ต้องยุ่งยากมาสั่งผลิตพิเศษ เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าเครื่อง ETA เดิมก็เป็น Movement ที่ให้ความทนทาน ทนไม้ทนมือ และมีความเที่ยงตรงที่สูงอยู่แล้วตามสไตล์ของ Swiss Movement แต่ลองจินส์ต้องการความพิเศษไปอีกนะดับหนึ่ง จึงสั่ง Spec และผลิตกลไกพิเศษเป็น Exclusive Caliber เพื่อใช้ใน LONGINES Master Collection เท่านั้น 

นี่จึงเป็นการ Level Up จาก LONGINES ใน Master Collection ที่ต้องการใส่ Option พิเศษลงไปเพื่อให้นาฬิกามีความ Exclusive มากที่สุด

ฉะนั้นในแง่ของการ Service ตัวเครื่องของนาฬิกาจึงทำได้ง่ายและไม่วุ่นวาย เพราะ LONGINES ขยายรับประกัน (Warranty) Automatic Model ทุกรุ่นจาก 2 ปีเป็น 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป 

ตัวเครื่อง L899 นี้เป็นเครื่อง Automatic เดินรอบอยู่ที่ 25,200vph (Vibration per Hour) หรือ “7 Beats ต่อวินาที” หมายความว่าถ้าเราเอากล้อง Slow Motion มาตั้งเพื่อถ่ายการติ้กของเข็มวินาที ภายในช่องระหว่างเส้นขีดแบ่งของ 1 วินาทีนี่เองเราจะเห็นว่าเข็มวินาทีมีการขยับทั้งหมด 7 ครั้ง มีความสามารถในการสำรองพลังงาน 72 ชั่วโมง ก็เพียงพอและเหลือๆกับการใช้งานในทุกๆวัน เราสามารถวางนาฬิกาไว้โดยที่ไม่ต้องใส่ได้ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ โดยเมื่อถึงวันทำงานในวันจันทร์เราไม่ต้องเสียเวลาหยิบนาฬิกามาตั้งเวลาใหม่

DSC04104 copy_label.jpg

 ในตัวเครื่อง L899 เองก็จะมีการใส่ดีเทลการปัดเครื่องลงไปในหลากหลายชิ้นส่วน เช่น Snailed Finish ที่บริเวณของ Main Plate (ตามขอบด้านนอกของเครื่อง) มีการวนเพื่อสร้าง Graining รูปทรงวงกลมที่บริเวณ Bridges บริเวณแผ่นจานหมุน (Oscillating Weight) จะเป็นดีเทลการปัดที่เรียกว่า Côtes de Genève หรือ Geneva Stripe เป็นการปัดดีเทลที่เป็นบั้งแบบแนวตั้ง จะให้มิติที่เหมือนกับว่าแผ่นโลหะนี้มีความลึกลงไปเป็นคลื่นต่อเนื่องกัน มีการสลักตัวอักษรของ Longines พร้อมกับหมายเลข Movement และสุดท้ายที่มีการตัด Cutout เป็น Logo รูปทรงปีกนกลงไป

DSC04111 copy_label.jpg

ตัวเครื่อง L899 มีฟังก์ชั่นของเข็มวินาทีเป็น Center Second เข็มหลักชั่วโมงและนาทีอยู่ตรงกลาง บวกกับความพิเศษของนาฬิกาเรือนนี้คือมีฟังก์ชั่น Moonphase หรือการบอกข้างขึ้นข้างแรมเป็น Subdial อยู่ที่บริเวณ 6 นาฬิกา โดยรอบๆช่อง Moonphase นี้จะมีการเพิ่มฟังก์ชั่นการบอกวันที่เข้าไปด้วยโดยเลขวันที่จะอยู่รอบตัวช่อง Moonphase เลย   

  • Fitting & Wrist Presence

ผมต้องขออนุญาตอ้างอิงจากขนาดของข้อมือของผมเองที่ 17.1 cm หรือ 6.8 นิ้ว นาฬิกาสามารถฟิตอยู่บนข้อมือได้เต็มข้ออย่างพอดิบพอดี ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป ให้ความรู้สึกของ Wrist Presence ที่ชัดเจน สามารถอ่านเวลาได้ง่ายมากๆ นอกจากนั้นด้วยความที่ตัวเรือนเป็น Stainless Steel สีเงินเงา หน้าปัดสี Barleycorn สายหนังสีน้ำตาล และเข็มชั่วโมง นาที และวินาทีเป็นสีน้ำเงินเข้ม ทั้งหมดนี้เป็น Combination ของสีในตัวนาฬิกาที่จะให้ลุคที่มีความ Classic อยู่แล้วและสามารถใส่ได้กับทุกๆ Outfit จริงๆ 

  • Watches is best for Who?

ด้วยความที่ดีไซน์ของนาฬิกาเรือนนี้จะค่อนไปทางนาฬิกาที่ให้ความ Elegance แบบ Dress Watch ดังนั้น Longines Master Collection Moonphase เรือนนี้จึงเหมาะสมอย่างมากและเข้ากันได้ดีมากกับการใส่คู่กับแจ็คเก็ตหรือสูท ไม่ว่าจะใส่กับเสื้อเชิ้ตกางเกง Chino รองเท้าหนังโดยที่ไม่ได้ใส่แจ็คเก็ต จะใส่กับ Sport Jacket ที่ Casual อย่าง Safari Jacket ไปจนถึง Formal Suit สำหรับการออกงานที่มีความเป็นทางการสูงก็สามารถไปกันได้อย่างเหมาะสม

IMG_0023 copy 2_label.jpg

นอกจากนั้น อย่างที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นว่าในเรื่อง Style ของนาฬิกาที่มีการเพิ่ม Element ของความ Casual ผสมลงไปที่ขอบหน้าปัดด้านในตรงบริเวณที่มีการขีดเป็นหลักวินาทีและตัวเลขบอกวินาที ทำให้นาฬิกาเรือนนี้จึงสามารถใส่ได้กับลุคที่ชิลๆในวันหยุด อย่างเช่น การใส่เสื้อโปโลกับกางเกงยีนส์หรือกางเกง Chino หลากหลายสี หรือจะเป็นลุคแบบ Holiday หรือลุคสำหรับไปเที่ยว อย่างเช่นเวลาไปเที่ยวทะเลที่เราอาจจะใส่เสื้อ Hawaii กับกางเกงผ้าลินินรองเท้า Boat Shoe หรือรองเท้า Espadrille ก็เหมาะสมและไปกันได้ดีมากๆเลยทีเดียวโดยยังคงลุคที่มีความClassic Elegance ไว้ได้อย่างชัดเจน

ฉะนั้นนาฬิกาเรือนนี้จึงเหมาะสมกับการหยิบมาสวมใส่ในทุกๆโอกาสและสถานการณ์ไม่ว่าท่านผู้อ่านจะประกอบอาชีพใดก็ตาม

  •  How to style the watches?  

IMG_0119 copy 2_label.jpg

สำหรับสองลุคที่ผมใส่คู่กับนาฬิกา LONGINES Master Collection Moonphase เรือนนี้ ลุคแรกจะเป็นลุคที่ออกทาง Business Casual โดยผมได้หยิบเอา Sport Jacket แบบ Double Breasted Jacket ผ้า Wool-Silk-Linen เป็น Napoli Jacket โดย Orazio Luciano สีแทน จับคู่กับกางเกงผ้า Irish Linen สี Tobacco จากโรงทอ W.Bill ตัดแบบ Bespoke โดย The Primary Haus เป็นกางเกงแบบ Single Pleated เสื้อเชิ้ตเป็น Spread Collar ลาย Stripe สีฟ้าตัดแบบ Bespoke โดย The Primary Haus ปิดท้ายลุคด้วยรองเท้า Loafer จาก Ferragamo สีดำและหมวก Wool Fedora  

ลุคนี้จะเป็นลุคที่ให้ความ Elegance ในแบบฉบับของชาวนาโปลี โทนสีของทั้งตัวจะเป็นการไล่เฉดสีของ Earth Tone จากเนคไทสี Mustard สีแทนที่ตัวแจ็คเก็ต และจบที่สี Tobacco ของกางเกง

ท่านผู้อ่านจะเห็นว่าสีของสายนาฬิกาจะเป็นสีน้ำตาลที่เข้มที่สุดขององค์ประกอบของสีในลุคนี้ ประกอบกับตัวเคสนาฬิกาที่มีความเงาแบบ High Polish เสริมเข้ากันกับโทนสีน้ำตาลโดยดูไม่โดดออกมาจาก Silhouette ทั้งตัว และสไตล์ของนาฬิกามีส่วนช่วยในการเสริมลุคให้มีความ Classic Elegance ได้อย่างลงตัว 

IMG_0001 copy 2_label.jpg

ลุคที่สองจะเป็นลุคแบบ Business Formal ที่ให้ความเป็นทางการสูง โดยผมเลือกหยิบสูทสีน้ำตาลเข้มผ้า Fox Air ตัดแบบ Bespoke โดย The Primary Haus เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนโดยผมเลือกเสื้อเชิ้ตที่มีลาย Herringbone มาใส่เพื่อเพิ่มความสนุกให้กับลุคโดยรวม ปิดด้วยรองเท้า Derby Full Brogue สีเทาเอาไว้เป็นดีเทลที่ซ่อนความแซ่บของลุคทั้งหมด และหมวก Wool Fedora

ลุคนี้ด้วยความที่เป็นลุคที่ให้ความเป็นทางการสูง จึงเหมาะกับการใส่ไปงานที่ต้องการความ Formal อย่างเช่นงานประชุม งานแต่งงาน การพบปะพูดคุยกับลูกค้าคนสำคัญ โทนสีทั้งตัวจะไปเน้นหนักที่โทนสีน้ำตาลเข้มของสูท แต่ผมพยายามหยิบเอาคู่สีอื่นๆใน Element ต่างๆเพื่อมาช่วยเพิ่ม Contrast ให้ Silhouette ไม่ดูจมไปกับความเป็นสีน้ำตาลมากเกินไป เช่นสีฟ้าอ่อนจากเสื้อเชิ้ตที่มีลายแบบก้างปลา และรองเท้า Oxford ที่มีสีหลักเป็นสีเทาแต่มีการไล่ Patina ตามบริเวณขอบต่างๆเป็นสี Burgundy 

นาฬิกา LONGINES เรือนนี้สามารถนำมาจับคู่เพื่อเสริมลุคทั้งหมดได้อย่างดี ด้วยความที่สายหนังแอลิเกเตอร์ (Alligator) ที่เป็นสีน้ำตาลนั้นเป็นโทนน้ำตาลที่มืดกว่าสีของสูท และเคสสีเงินที่เงาวับทำให้นาฬิกาไม่จมหายไปกับสูท แต่กลับกันเป็นการเสริมลุคที่เป็นองค์ประกอบชั้นดีที่ช่วยไม่ให้ลุคทั้งหมดดู “น้ำตาล” มากเกินไป 

โดยสรุปแล้ว หากท่านผู้อ่านกำลังหานาฬิกา Dress Watch มาประดับกรุนาฬิกาสักเรือน หรือกำลังมองหานาฬิกาสายหนังที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องความหลากหลายในการสวมใส่และคุณภาพคุ้มค่าที่มาจาก Brand ที่น่าเชื่อถือและมี Heritage มายาวนาน ไม่ว่าจะใส่ทำงานกับสูท ใส่เพื่อไปพบเจอกับลูกค้าหรือคุยงาน ใส่ไป Hangout กับเพื่อน ใส่ในวันหยุดสบายๆ หรือใส่ไปเที่ยว นาฬิกา LONGINES Master Collection Moonphase เรือนนี้ที่มาในสนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 86,200 บาท ก็สามารถตอบโจทย์ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

DSC04002 copy 2_label.jpg

หากท่านผู้อ่านสนใจสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรืออยากไปสัมผัสนาฬิกาเรือนจริงได้ที่

ช่องทางการติดต่อ 

Website : https://bit.ly/3CaSTME 
Facebook : https://bit.ly/3rO0JqG 
LINE: @longines_th 

ช่องทางการซื้อออนไลน์

Longines Official Store ทั้งใน 
Lazada : https://bit.ly/3jgBp8H 
Shopee : https://bit.ly/3jhswMd 
และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป 

Previous
Previous

พาไปชม Collection แว่นตา True Vintage Revival ในงาน “The Master of Japanese Craftsmanship” ที่ร้าน Eyeshouse บ้านสุขภาพสายตา

Next
Next

TVR Guide By Signore Closet - เลือกแว่นตากับ “คุณแมค” ในสไตล์ Ivy League & Rugged Workwear โดย True Vintage Revival