Casa Del Sarto x The Decorum - แจ็คเก็ต Napoli สัญชาติเกาหลีที่ใส่ไปได้ (เกือบ) ทุกงาน

แจ็คเก็ต Casa Del Sarto สี Navy Blue  ผ้า Fox Brothers Hopsack ผสมลุคกับเสื้อเชิ้ต Button Down จาก Kamakura กางเกง Drapers 4-Ply สีเทาอ่อนจาก The Primary Haus รองเท้า Loafer สี Dark Brown หนัง Suede โดย Edward Green

แจ็คเก็ต Casa Del Sarto สี Navy Blue ผ้า Fox Brothers Hopsack ผสมลุคกับเสื้อเชิ้ต Button Down จาก Kamakura กางเกง Drapers 4-Ply สีเทาอ่อนจาก The Primary Haus รองเท้า Loafer สี Dark Brown หนัง Suede โดย Edward Green

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ หากท่านผู้อ่านได้ติดตามวงการ Sartorial Menswear ก็จะพบว่ามี Tailor เก่งๆเจเนอเรชั่นใหม่หรือ “ชื่อใหม่” แต่ฝีมือดีแจ้งเกิดและเริ่มกลายเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นมากมายทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็ไม่พ้นช่างตัดสูทจากประเทศเกาหลีใต้หลายเจ้าที่เริ่มได้รับการนับหน้าถือตาและมีการพัฒนาฝีมือในแบบที่เรียกว่า “ก้าวกระโดด” หากนึกไม่ออกท่านผู้อ่านลองนึกถึงซีรี่ย์เกาหลีที่ฉายอยู่ใน Netflix ปัจจุบัน จะเห็นว่าคอสตูมสำหรับตัวละครที่ใส่สูทนั้น “เฉียบ” มากเหมือนหนังคนละม้วนเมื่อเทียบกับ 2-3 ปีก่อน อย่างเช่นในซีรี่ย์ “Vincenzo” ที่ทั้งเรื่องตัวเอกทนายมาเฟียของเราได้สูทสวยๆมาจากช่างตัดสูท B&TAILOR 

“Casa Del Sarto” ก็เป็นหนึ่งในชื่อ Tailor จากดินแดนเกาหลีใต้ที่ยังเปิดตัวมาได้ยังไม่นานโดยคุณ “Kim Minsoo” แกเป็นช่างตัดสูทที่ไปร่ำเรียนวิชามาจากอิตาลีและรับตัดสูท Bespoke ในเกาหลีภายใต้ชื่อ Assisi Bespoke ซึ่งในส่วนนี้แกรับตัดมานานแล้ว จนกระทั่งเมื่อ 3 ปีก่อนแกได้แยกไลน์การตัดเย็บออกมาสำหรับตลาดใหม่ในชื่อ Casa Del Sarto สำหรับการตัดเย็บในรูปแบบ Ready-To-Wear และ Made-To-Measure เพื่อส่งขายร้าน Retail อย่างเช่น Andreaseoul

Casa Del Sarto Jacket ในเฉดสี Navy Blue ที่ไม่ได้มืดหรือสว่างจนเกินไป

Casa Del Sarto Jacket ในเฉดสี Navy Blue ที่ไม่ได้มืดหรือสว่างจนเกินไป

ในประเทศไทยชื่อนี้อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูกันมากนัก หากท่านผู้อ่านติดตาม Instagram ของร้าน The Decorum Bkk ก็น่าจะเคยได้เห็นผ่านตากันมาบ้างเพราะทางร้านได้ทำ Collaboration กับ Casa Del Sarto เพื่อปรับ “แพทเทิร์น” ของ Sport Jacket ให้เหมาะสมกับรูปร่างสัดส่วนของชายไทยและนำเข้ามาขายในบ้านเรา 

ผมขออนุญาตพูดถึงเรื่องการปรับแพทเทิร์นนี้สักเล็กน้อยครับ โดยปกติหากช่างตัดสูทเจ้าไหนมีไลน์การตัดเย็บแบบ Ready-To-Wear ที่ส่งขายตามร้านค้าต่างๆทั่วโลก หลายๆท่านอาจจะไม่ทราบว่าร้านค้าที่สั่งไปเค้าสามารถ “ปรับแพทเทิร์น” ของแจ็คเก็ตหรือสูทได้เพื่อให้เหมาะสมกับสรีระของกลุ่มลูกค้าที่เค้าจะขาย นั่นหมายความว่าแจ็คเก็ตชื่อเดียวกันที่ขายในแต่ละประเทศหรือแต่ละร้านมีโอกาสสูงมากที่ “ฟิตติ้งจะไม่เหมือนกัน” ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยหากเรามีแจ็คเก็ตของช่างคนใดคนหนึ่งอยู่แล้วไปสั่งออนไลน์มาจากต่างประเทศแล้วพบว่าฟิตติ้งจะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้

Casa Del Sarto x The Decorum BKK

ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสอันดีเป็นอย่างมากสำหรับพวกเราชายไทยที่จะได้มีโอกาสได้ลองและใส่แจ็คเก็ตงานฝีมือดีๆในราคาที่จับต้องได้ ล่าสุดที่ผมเขียน ณ วันที่ 11 มิถุนายา 2021 ทางร้านได้นำเข้ามา 3 สีได้แก่ สีกรมท่าและสีเขียวมาในผ้า Fox Brothers ที่เป็น Hopsack และสีน้ำตาลมาในผ้า Smith Woollens โดย Sport Jacket ตัวที่ผมตัดสินใจเลือกซื้อมาเป็นสี Navy Blue ครับ

มา! เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ

  • แจ็คเก็ตเอาไปใช้ในโอกาสไหน

โจทย์ที่ผมมีก่อนที่จะเข้าไปลองแจ็คเก็ตที่ร้านคือ อยากได้แจ็คเก็ตสีกรมท่าหรือ Navy Blue ในเฉดที่ไม่มืดมากเพื่อนำมาใส่เป็น Sport Jacket แต่ก็ไม่สว่างเกินไปจนรู้สึกว่า Casual แจ็คเก็ตตัวนี้ผมอยากให้เป็นแจ็คเก็ตที่ใส่ได้ในหลากหลายโอกาสเป็นสำคัญ สามารถใส่ในลุคที่ลำลองได้ ให้ความรู้สึกที่เป็น Smart Casual ไปจนถึงใส่ในลุคที่มีความเป็นทางการสูงขึ้นมาได้เหมือนกัน เช่น ในบริบทที่ต้องไปเจอผู้หลักผู้ใหญ่หรือลูกค้าแต่ไม่อยากใส่สูทเพราะอาจจะมีโอกาสเสี่ยง Over Dress เกินไปจนเป็นที่แปลกตา แจ็คเก็ตจะต้องตอบโจทย์ในอารมณ์ประมาณว่านึกอะไรไม่ออกหยิบแจ็คเก็ตสี Navy Blue ตัวนี้ไปใส่กับกางเกงสีเทาเข้มยังไงก็รอด ด้วย Nature ของสีนี้ที่สามารถนำมา Dress Up หรือ Dress Down ได้ง่าย แต่ก็จะค่อนไปในทางที่ Dress Up ได้ดีกว่า

Casa Del Sarto x The Decorum BKK

ท่านผู้อ่านอาจจะมีคำถามว่าแล้ว Navy Blue แบบไหนถึงไม่เข้มไม่อ่อนเกินไป ผมต้องขอย้อนกลับไปพูดเรื่องเฉดสีกรมท่าอีกสักนิดว่า สีกรมท่าจากแต่ละโรงทอหรือแต่ละรหัสผ้าจะมีความมืดหรือสว่างที่ไม่เหมือนกัน เฉดสีที่สว่างหรือมืดขึ้นเพียงเฉดเดียวของสีนี้สามารถเปลี่ยนลุคทั้งตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยครับ บางท่านอาจจะสับสนระหว่าง Navy Blue กับ Solid Blue ซึ่งเป็นสีที่ให้ความรู้สึก Casual มากกว่า แต่ขณะเดียวกันสี Navy Blue ที่เข้มจนเกินไปในผ้าชนิดเดียวกันก็จะหยิบมาใส่ผสมลุคได้ยากขึ้นเพราะมีความเป็นทางการที่สูงกว่า การหาเฉดสีที่ใช่ของ Navy Blue สำหรับผมเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างท้าทายเลยครับ

สี Navy Blue ของแจ็คเก็ต Casa Del Sarto ตัวนี้เป็นช่วงเฉดสี Navy Blue ที่ผมวางแผนไว้ว่าอยากจะสั่งตัดอยู่ใน Wishlist ผมอยากได้เฉดสีกรมท่าประมาณนี้มาได้สักพักแต่บังเอิญทางร้านได้นำเข้ามาจึงได้มีโอกาสไปดูตัวจริง ซึ่งก็ตอบโจทย์ในเรื่องเฉดสีและความสว่างในแบบที่ผมอยากได้ 

ผ้า Hopsack โดย Fox Brothers Made In England

ผ้า Hopsack โดย Fox Brothers Made In England

  • การพิจารณาผ้าบนตัวแจ็คเก็ต

ผ้าที่นำมาใช้ในการตัดแจ็คเก็ตตัวนี้มาจากโรงทอผ้าที่คุ้นเคย นั่นก็คือ “Fox Brothers” (อีกแล้ว) ทอจากโรงทอในประเทศอังกฤษ เป็นผ้า Wool 100% การันตีคุณภาพความเทพของผ้าได้ว่าดีแน่นอน แต่ผ้ามาเป็นเวอร์ชั่นที่เรียกว่าผ้า “Hopsack” หรือผ้ากระสอบ หากท่านผู้อ่านยังไม่ทราบว่าผ้าตัวนี้มีดีและเหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนๆของบ้านเราอย่างไร สามารถข้ามไปอ่านบทความนี้ก่อนได้เลยครับ

ความสนุกของการผ้า Hopsack จาก Fox Brothers ที่อยู่ในแจ็คเก็ตตัวนี้คือ เค้าทอเป็นลาย “Glen Check” หรือลายตารางที่ซ้อนๆกันอีกด้วย หากให้อธิบายเป็นคำพูดคงจะยาก ไปดูรูปกันดีกว่าครับ

ลักษณะการทอผ้า Hopsack ที่มีลักษณะเฉพาะตัวสูง หากสังเกตดีๆจะเห็นว่ามีลาย Glen Check ซ่อนอยู่

ลักษณะการทอผ้า Hopsack ที่มีลักษณะเฉพาะตัวสูง หากสังเกตดีๆจะเห็นว่ามีลาย Glen Check ซ่อนอยู่

การทอแบบ Glen Check ของผ้าในแจ็คเก็ตเป็นการทอที่มีความ Subtle มากๆ คือ ถ้าเห็นกันในระยะเกิน 4 เมตรเราจะเห็นแจ็คเก็ตตัวนี้เป็นสี Navy Blue ปกติตัวหนึ่ง ถึงแม้จะเขยิบมาดูในระยะปกติที่คุยกันเราก็อาจจะไม่ได้ทันสังเกต แต่ถ้าลองพิจารณาดูดีๆเราจะเห็นว่าแจ็คเก็ตตัวนี้ไม่ใช่สี Solid เฉยๆ แต่มีการทอออกมาเป็นลายตารางแบบ Glen Check ด้วย ตรงนี้เป็นดีเทลเกี่ยวกับผ้าที่ผมชอบมากเพราะเป็นการเพิ่มคาแรคเตอร์ของแจ็คเก็ตให้ดูสนุกขึ้นและมีมิติไม่ได้ดูเรียบจนเกินไป

นอกจาก Glen Check แล้วก็ยังมี Texture ของเนื้อผ้า Hopsack ที่เพิ่มคาแรคเตอร์ของแจ็คเก็ตตัวนี้ให้ “ใส่ง่ายมากขึ้น” ไปอีก ด้วย Nature การทอ Hopsack ที่มีลักษณะเฉพาะตัวคือ มีความ Open Weave ที่เกิดจากผ้าถูกทอแบบห่างๆ ต่างจาก Wool 100% ปกติที่จะทอแบบ Plain Weave ถ้าดูใกล้ๆลักษณะการทอจะมี Pattern เฉพาะตัวที่ไม่ได้เรียบเนียนละเอียด แต่จะเห็นเป็น Texture ที่ชัดเจนเกิดจากการซ้อนทับของเส้นใยที่สานกันอยู่ ว่ากันตรงๆมันก็คล้ายๆลักษณะการทอถุงกระสอบใส่ข้าวสารในบ้านเรานี่แหละครับ

ด้วย Texture ของผ้าที่ไม่ได้เรียบแบบนี้นอกจากใส่สบายระบายอากศได้ดีแล้ว ยังเป็นการเสริมให้แจ็คเก็ตสามารถนำไปใส่ผสมลุคได้ง่ายขึ้นอีกเยอะเลย จะใส่กับกางเกงผ้า Cotton ก็ได้ ใส่กับผ้า Wool ก็ได้ แม้กระทั่งจะหยิบไปใส่กับกางเกงผ้า Linen ก็ยังไหว

  • Styling ของแจ็คเก็ตและฟิตติ้ง

ด้วยปูมหลังของคุณ Kim Minsoo ที่ร่ำเรียนมาในเส้นทาง Neapolitan Tailoring จึงทำให้แจ็คเก็ตตัวนี้ได้รับอิทธิพลจาก Styling แบบนี้มาเต็มๆ ทั้งรูปลักษณ์ การตัดเย็บและโครงสร้างภายใน

คาแรคเตอร์ความจัดจ้านของ Napoli ที่ชัดเจนจากการตัดเย็บและการขึ้นแพทเทิร์นแจ็คเก็ต

คาแรคเตอร์ความจัดจ้านของ Napoli ที่ชัดเจนจากการตัดเย็บและการขึ้นแพทเทิร์นแจ็คเก็ต

โครงสร้างแจ็คเก็ตเป็น Full Canvas โดย Canvas ที่ใช้มีน้ำหนักเบาและใส่สบาย ลักษณะการวางแคนวาสเป็นแคนวาสยาวลงมาทั้งตัว เริ่มตั้งแต่ตั้งแต่ช่วงบ่าลงไปถึงสะโพกโดยไม่มีการเสริม Drape บริเวณหน้าอกตรงตามต้นฉบับดั้งเดิมในสไตล์ Soft Tailoring

เมื่อเปรียบเทียบกับแจ็คเก็ตจากนาโปลี ความรู้สึกขณะที่ใส่จริงผมยังรู้สึกว่าน้ำหนักของแคนวาสและการระบายอากาศยังใส่ไม่สบายเท่า แต่ด้วยราคาของแจ็คเก็ตตัวนี้ที่ทำมาได้ถูกกว่า 3-4 เท่าเมื่อเทียบเทียบแจ็คเก็ต Made In Napoli แท้ๆ จึงทำให้ในเรื่องของคุณภาพโครงสร้างผ่านฉลุยไปอย่างไม่ต้องสงสัย

นอกจากนั้น แคนวาสในแจ็คเก็ตตัวนี้มีคุณภาพที่ดีกว่าแคนวาสที่ Tailor ในบ้านเราใช้กัน (เป็นส่วนใหญ่) แต่มาในราคาใกล้เคียงกันหรือถูกกว่าถึงหนึ่งหมื่นถึงสองหมื่นบาทเลยทีเดียว 

Casa Del Sarto x The Decorum BKK

นอกเหนือจากโครงสร้างหางม้าแล้ว แจ็คเก็ตตัวนี้มีการตัดโครงสร้างภายในอื่นๆออกไปตามสไตล์นาโปลี อย่างเช่น Padding ที่ไหล่หรือ Drape ที่อกออกไปจนหมด แจ็คเก็ตทั้งตัวจึงมีแค่ตัวผ้า แคนวาส ซับในซึ่งมาเป็น Half-Lining และ Padding ที่เจอเฉพาะในส่วนจำเป็นต้องใช้เช่นบริเวณปกคอเพียงเท่านั้น จึงให้ความรู้สึกตอนใส่เหมือนเป็น Second Skin ไม่รู้สึกถึงการกดทับของแจ็คเก็ตบนบริเวณใดๆของลำตัว ทำให้น้ำหนักของแจ็คเก็ตทั้งตัวเบาและสามารถระบายอากาศได้ดี

เมื่อ Sport Jacket มีลวดลายที่เป็นเส้นหรือตาราง สิ่งที่เราต้องพิจารณาอีกเรื่องหนึ่งและลืมไม่ได้เด็ดขาดคือ เช็คว่าการต่อลาย Pattern ของ Geln Check ตามส่วนต่างๆที่มีการตัดและเย็บผ้าอีกชิ้นเข้าไปนั้นต่อตรงหรือมีเบี้ยวอะไรบ้างหรือไม่ เช่น ลายของ Patch Pocket กับตัวเสื้อ การต่อลายของกระเป๋าหน้าอกด้านซ้ายกับตัวแจ็คเก็ต และการต่อลายของช่วงแขนเมื่อเทียบกับตัวแจ็คเก็ต สำหรับแจ็คเก็ตตัวนี้ผมให้ 3 ผ่านไปเลย เพราะต่อลายได้เนียนตาและดูคลีน

ลักษณะการ Roll ของปกแจ็คเก็ตที่เป็น 3 Roll 2 จะเห็นว่าชิ้นปกสามารถม้วนลงมาจบได้อย่างอ่อนช้อย

ลักษณะการ Roll ของปกแจ็คเก็ตที่เป็น 3 Roll 2 จะเห็นว่าชิ้นปกสามารถม้วนลงมาจบได้อย่างอ่อนช้อย

กาาตัดเย็บและการขึ้นแพทเทิร์นของแจ็คเก็ตมาในสาย Napoli ที่จัดจ้าน มีลักษณะของปกที่เป็น 3 Roll 2 ออกมาได้สวยงาม โดยการม้วนตัวของปกนี้จะไปจบที่กระดุมเม็ดที่สองหรือกะดุมเอวพอดี

เส้น Gorge Line ที่ปกคอจะอยู่ค่อนข้างสูงและเป็นเส้นตรง เส้น Gorge Line ที่ว่านี้หากอยู่สูงจะมีผลทำให้ช่วง Notch Lapel ถูกขยับขึ้นสูงตามไปด้วย เป็นการสร้าง Silhouette ของการมีช่วงไหล่และอกด้านบนที่ผายออกมากขึ้น 

ความกว้างขนาดปกเสื้อถูกลดลงมาจากรอบแรกทำให้ Silhouette สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและไม่ดู Extreme มากเกินไป โดยความกว้างของปกแจ็คเก็ตตัวนี้ที่ไซส์ 50 จะอยู่ที่ 4” พอดิบพอดี ถือว่าเป็นปกที่ค่อนข้างใหญ่แต่ก็เป็นความกว้างที่ปกติสำหรับ Napoli Jacket

การต่อไหล่แบบ Spalla Camicia ที่มีการจับจีบบริเวณหัวไหล่ไม่มากหรือน้อยเกินไป และ Gorge Line ที่อยู่ค่อนข้างสูง

การต่อไหล่แบบ Spalla Camicia ที่มีการจับจีบบริเวณหัวไหล่ไม่มากหรือน้อยเกินไป และ Gorge Line ที่อยู่ค่อนข้างสูง

แน่นอนว่าการต่อไหล่หรือการต่อปลอกแขนเข้ากับตัวแจ็คเก็ตมาในรูปแบบ Spalla Camicia แท้ๆ ให้ Silhouette ที่มีความ Napoli อย่างชัดเจน ให้ลุคที่ดู Soft และชิล การจับจีบทำออกมาได้สวยงาม เป็นการขึ้นจีบที่ขณะที่ไม่ได้เห็นจีบชัดมากแบบ Extreme แต่เป็นจีบที่กำลังดี ไม่ได้จัดเกินไปแต่ก็ไม่ได้น้อยจนมองไม่เห็น

รายละเอียดกระเป๋าหน้าอกทรง Barchetta และดีเทลการดำน้ำมือ

รายละเอียดกระเป๋าหน้าอกทรง Barchetta และดีเทลการดำน้ำมือ

กระเป๋าบริเวณหน้าอกเป็นรูปทรงแบบ Barchetta หรือเป็นรูปเรือโค้ง มีต้นกำเนิดมาจากที่ Naples นี่เองล่ะครับ ชาวเนเปิ้ลเค้าได้แรงบันดาลใจมาจากเรือที่จอดอยู่ริมชายทะเลแถวบ้านเค้าเลยจับมันมาใส่ลงในแจ็คเก็ตด้วย ลักษณะกระเป๋าแบบรูปเรือโค้งนี้ช่วยเพิ่มความละมุนและความ Soft ของแจ็คเก็ตสไตล์ Napoli

นอกจากนั้นบริเวณขอบกระเป๋า Barchetta ยังมีการเดินดีเทลการดำน้ำมือ และปลายขอบกระเป๋ามีการถักด้ายแบบตัวหนอนเข้าไปด้วย เป็นการโชว์ฝีมือและการใส่ใจในรายละเอียดของ Tailor ได้เป็นอย่างดี 

กระเป๋าบริเวณสะโพกแบบ Patch Pocket หรือกระเป๋าแปะ

กระเป๋าบริเวณสะโพกแบบ Patch Pocket หรือกระเป๋าแปะ

กระเป๋าบริเวณสะโพกเป็น Patch Pocket ซึ่งกระเป๋าแบบแปะนี้จะให้ความรู้สึกไปในทาง Casual แต่ก็เหมาะสมเและเข้ากันได้ดีกับ Styling โดยรวมของแจ็คเก็ต หากเราลองจินตนาการเปลี่ยนกระเป๋าให้เป็นแบบ Jetted แทน ลุคของลักษณะกระเป๋าอาจจะไป Contrast กับดีเทลความชิลของแจ็คเก็ตที่มีอยู่ทั้งตัวและอาจจะไม่เข้ากับเนื้อผ้าที่เป็น Hopsack แต่ก็ไม่ได้ถือว่าผิดแต่อย่างใด สำหรับความชอบส่วนตัว ผมรู้สึกว่ากระเป๋า Patch ใน Sport Jacket สามารถหยิบไปใส่ง่ายกว่ากระเป๋าแบบ Jetted อีกด้วยครับ

รายละเอียดการดำน้ำมือแบบ Double Stitching หรือการดำน้ำเส้นคู่

รายละเอียดการดำน้ำมือแบบ Double Stitching หรือการดำน้ำเส้นคู่

ลักษณะดีเทลการเดินด้ายเป็นแบบ Double Stitching ทั้งตัว เป็นการเดินด้ายด้วยมือแบบ Pick Stitching ทั้งหมด จัดว่าเข้ากับสไตลลิ่งของแจ็คเก็ตที่มีความสนุก โดยการเดินด้ายจะเริ่มจากปกคอ ไล่ลงมาถึงเอว ขอบชายแจ็คเก็ต และกระเป๋า Patch Pocket ซึ่งการเดินด้ายคู่แบบนี้จะให้ลุคที่มีความ Casual มากกว่าการเดินด้ายแบบ Single Stitching 

เส้นสาบด้านหน้าเดินจากช่วงอกแล้วลงมาจบที่ขอบด้านบนของกระเป๋า Patch Pocket

เส้นสาบด้านหน้าเดินจากช่วงอกแล้วลงมาจบที่ขอบด้านบนของกระเป๋า Patch Pocket

แจ็คเก็ตมีการตีเส้นสาบหน้าหนึ่งเส้นในแต่ละฝั่งซึ่งสไตล์แบบนี้เราจะเจอได้ในปกติ Neapolitan Tailoring โดยในแจ็คเก็ตตัวนี้เส้นสาบเริ่มที่ปลายล่างจากกระเป๋าหน้าอกลงมาหน่อยนึง แล้วจะไปจบที่ปลายบนของกระเป๋า Patch Pocket  

กระดุมเขาสัตว์ที่ข้อมือ 4 เม็ดแบบ Overlap

กระดุมเขาสัตว์ที่ข้อมือ 4 เม็ดแบบ Overlap

กระดุมที่ปลายแขนทำจากเขาสัตว์สีน้ำตาลเข้มเกือบดำ 4 เม็ด โดยผมเลือกการวาง Layout รังดุมแบบ Overlap โดยมีระยะห่างระหว่างขอบปลายแขนกับรังดุมเม็ดแรกที่ 1.5” ท่านผู้อ่านสามารถเลือกได้ครับว่าชอบ Layout รังดุมแบบไหนหรือกระดุมจะเอากี่เม็ด เพราะปลายแขนมาเป็นแบบ Unfinished Sleeves ที่ยังไม่ได้ถักรังดุมและกระดุมมา ทำให้เราจะสามารถตัดเก็บปลายแขนให้มีความยาวเหมาะสมได้

รังดุมทั้งหมดในแจ็คเก็ตเป็นรังดุมถักมือ ซึ่งก็จะให้ความแข็งแรงของรังดุมที่มากกว่ารังดุมถักเครื่องโดยเฉพาะรังดุมที่มีขนาดใหญ่บนตัวแจ็คเก็ต

ฟิตติ้งของแจ็คเก็ตถูกปรับให้เข้ากับสรีระของชายไทย ส่วนตัวผมให้ฟิตติ้งของแจ็คเก็ตตัวนี้อยู่ในช่วงที่ไปในทางสลิม หมายความว่าสัดส่วนตามจุดต่างๆจะเข้ารูปมากกว่าแจ็คเก็ตที่เป็น Classic Fit ในแบบที่ผมชอบใส่ หรือพูดง่ายๆว่าแจ็คเก็ตมีความแนบเนื้อมากกว่า แต่ฟิตติ้งที่สลิมนี้ไม่ได้มีผลกับความสบายในการสวมใส่แต่อย่างใด 

Casa Del Sarto x The Decorum BKK

สำหรับ Proportion ของแจ็คเก็ตจะมีสัดส่วนของช่วงบ่า ไหล่และอกค่อนข้างห่างกับช่วงเอวค่อนข้างเยอะ หมายความว่าลุคที่ได้จะให้ความ Strong ตามลักษณะผู้ที่ชายที่มีอกผายไหล่ผึ่งอย่างชัดเจนหรือมีทรวดทรงที่ Musculine สูง

การลองฟิตติ้งแจ็คเก็ต Ready-To-Wear ส่วนตัวผมจะใช้ความยาวไหล่และช่วงอกเป็นหลักเริ่มในการพิจารณา ซึ่งจากสัดส่วนของแจ็คเก็ตดังกล่าวทหากต้องการจะใส่ให้สวย ช่วงไหล่จะต้องมีการ Extended ออกจากไหล่จริงของเราประมาณหนึ่ง แต่ด้วยสัดส่วนแจ็คเก็ตรูปแบบนี้ก็อาจจะต้องนำมาขยายเอวแจ็คเก็ตหากท่านผู้อ่านเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างมีพุง ซึ่งสำหรับตัวผมที่ก็มีพุงเหมือนกัน เอวแจ็คเก็ตตัวนี้อยู่ในระดับที่เรียกว่า Borderline คือถ้าเอวเล็กกว่านี้ก็จะเริ่มรู้สึกแน่นแล้ว แต่ในระดับความสลิมประมาณนี้ส่วนตัวผมใส่แล้วก็ไม่รู้สึกอึดอัดที่เอวแต่อย่างใด ขณะที่ท่านผู้อ่านที่ไม่มีพุงหรือพุงน้อยกำลังน่ารัก ลุคที่ได้ผมรับรองว่าได้ว่าใส่แล้วจะดูเป็นคนที่มีกล้ามขึ้นมาแน่นอน

Casa Del Sarto x The Decorum BKK

ลุคที่โดดเด่นของแจ็คเก็ตจะเห็นได้ตอนเราปิดกระดุมที่เอว ตำแหน่งกระดุมเม็ดที่สองหรือกระดุมเอวของแจ็คเก็ตจะอยู่สูงกว่าจุดกึ่งกลางของแจ็คเก็ตขึ้นมานิดนึงหรือค่อนขึ้นมาอยู่บริเวณช่วงอก เวลาปิดกระดุมเอวแล้วจะทำให้รู้สึกว่า "ขาของเรายาวขึ้น" ซึ่ง Effect นี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องพิจารณาคู่กับอีกหนึ่งปัจจัยคือ แพทเทิร์นตั้งแต่ช่วงกระดุมเอวลงมาถึงชายแจ็คเก็ตถูกตัดออกมาให้ "ช่วงหน้าค่อนข้างเปิด" พูดอีกมุมหนึ่งคือเมื่อเรากลัดกระดุมเอวแล้วจะยังสามารถเห็นช่วงเป้าของกางเกงได้เยอะ จึงเป็นเหตุผลที่หากเราใส่แจ็คเก็ตตัวนี้คู่กับกางเกงเอวสูง เราจะได้ลุคที่ขาดูยาวขึ้นและท่อนบนได้ความอกใหญ่ไหล่ผายที่ชัดเจนเลยทีเดียว

Casa Del Sarto x The Decorum BKK

ช่วง Armhole หรือความกว้างของวงแขนก็ทำออกมาได้ดี เป็นวงแขนที่อยู่ค่อนข้างสูงแต่ไม่ได้สูงมากจนแตะรักแร้ ทำให้ขณะเรากางแขนแบบท่ากางปีก ตัวแจ็คเก็ตจะไม่ยกขึ้นมาทั้งตัวตามการยกแขนสักเท่าไหร่ ซึ่งปัญหานี้จะเกิดขึ้นในกรณีที่แจ็คเก็ตมี Armhole ต่ำ

ผมติดแค่นิดเดียวจริงๆตรงที่ช่วงปลอกแขนค่อนข้างจะสลิมไปสักนิดโดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงศอกลงมาถึงปลายแขน ทำให้ช่วงแขนยังไม่สามารถทิ้งตัวลงมาให้ได้ลุคที่คลีนมาก นอกจากนั้นเวลาใส่ไปเรื่อยๆจะมีผลให้ปลายแขนเสื้อเชิ้ตโดนถกขึ้นไปอยู่ตลอด

Armhole หรือความกว้างของวงแขนที่อยู่สูงจะทำให้เรากางแขนออกได้โดยที่ตัวแจ็คเก็ตไม่ถูกยกขึ้นตามมาทั้งตัว

Armhole หรือความกว้างของวงแขนที่อยู่สูงจะทำให้เรากางแขนออกได้โดยที่ตัวแจ็คเก็ตไม่ถูกยกขึ้นตามมาทั้งตัว

การประเมินฟิตติ้งของแจ็คเก็ต Ready-To-Wear จะใช้คนละ Mindset กับแจ็คเก็ตสั่งตัด เพราะในเคสของการสั่งตัดนั้น แจ็คเก็ตจะต้องฟิตติ้งสวยบนตัวเรา แต่ในเคสของ Ready-To-Wear คือ “เราต้องไปฟิตให้สวยกับตัวแจ็คเก็ต” หากไปลองแล้วเราใส่ไม่สวยก็ไม่ใช่ความผิดของแจ็คเก็ตแต่อย่างใด อาจจะมีจุดที่ไม่เป้ะบ้าง ไม่คลีนบ้าง หรือไม่ถูกใจเราบางจุด เราต้องหาคำตอบให้กับตัวเองให้ชัดเจนก่อนไปลองว่าจุดไหน Compromise ได้หรือจุดไหนไม่โอเคจริงๆ หากบริเวณนั้นเป็นจุดที่แก้ได้ก็ไม่มีปัญหา บางจุดที่ไม่ได้เป้ะมากแต่เราไม่ได้ซีเรียสก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน แต่หากเป็นบริเวณที่ไม่ควรจะแก้แล้วฟิตติ้งเราใส่ไม่สวยจริงๆก็ไม่ควรจะฝืนครับ

Casa Del Sarto x The Decorum BKK

ฟิตติ้งโดยรวมทำได้ดี บริเวณปกคอกอดแนบสนิท ไม่มี Gap ช่องว่างเหลือ ผ้าชิ้นหน้าทิ้งตัวได้สวย ช่วงบ่าเนียนสะอาด ช่วงไหล่มีการ Extended เลยไหล่จริงออกมาประมาณหนึ่ง ช่วงอก “เกือบคลีน” สาเหตุอาจเป็นเพราะช่วงชิ้นอกของแจ็คเก็ตตัดยาวลงมาเกินอกจริงของผมนิดหน่อยเลยเห็นผ้าช่วงอกกองเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ชิ้นอกช่วงบน (ด้านล่างบ่า) มีผ้าเหลือนิดหน่อยซึ่งผมก็ไม่ได้ซีเรียสอีกเช่นกัน ช่วงเอวฟิตติ้งอยู่ในช่วง Borderline ที่ผมยังโอเคแบบไม่ต้องขยาย ช่วงสะโพกโค้งรับได้สวย ผ้าด้านหลังถือว่าสะอาดมาก แต่ก็ควรจะเหลือไว้นิดหน่อยเพื่อความสบายในการสวมใส่ ความยาวทำได้ดีเพราะผ้าด้านหลังสามารถปิดก้นผมได้เกือบหมด การตัดเย็บทำสวย ลุคที่ได้มีความชุ่ยแต่เนี้ยบตามสไตล์ที่ผมชอบ จะติดก็แค่เรื่องแขนที่สลิมไปนิดเดียวเท่านั้นเองจริงๆครับ

Casa Del Sarto x The Decorum BKK

สรุปกันสั้นๆว่า แจ็คเก็ตตัวนี้เป็นแจ็คเก็ต Ready-To-Wear ที่ผมใส่ได้สวยและพอใจโดยไม่ต้องแก้อะไรเลยนอกจากตัดแขนเจาะรังดุมเพียงอย่างเดียว ฟิตติ้งที่ไม่ได้ Perfect มากสำหรับ Ready-To-Wear ผมถือว่ามันเป็น “ความชุ่ย” อีกรูปแบบหนึ่งในลุคที่ผมรับได้และโอเคไปกับมัน

ไม่น่าเชื่อว่า แจ็คเก็ตจากประเทศเกาหลีใต้ภายในชื่อ “Casa Del Sarto” จะให้ผ้า Fox Brothers Hopsack โครงสร้าง Full Canvas ในสไตล์ Napoli ที่ตัดเย็บได้อย่างไม่มีที่ติ และยังยัดงานมือเข้ามาให้อีกเพียบในราคาค่าตัว 25,000 บาท

ในส่วนของฟิตติ้งที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นเป็นการอ้างอิงจากสัดส่วนของตัวผมเป็นหลักและไม่สามารถใช้ Guide นี้ในการตัดสินฟิตติ้งสำหรับท่านอื่นๆได้ ทางเดียวที่จะรู้ได้ว่าเราจะใส่สวยหรือไม่คือ “ต้องไปลองเองครับ” หากท่านผู้อ่านชอบตัวผ้าที่มี ชอบสไตล์ และชอบฟิตติ้งแล้วละก็ ผมขอนุญาตแนะนำว่าโดนไปเถอะครับ โคตรคุ้มเงิน

Previous
Previous

Yeossal: กางเกวเอวสูง Made-To-Measure จากสิงคโปร์ที่ “ไม่ธรรมดา”

Next
Next

Split Toe Derby จาก Ravello - อีกหนึ่งทางเลือกของ “รองเท้าผูกเชือก” ที่ใส่ง่ายและสบายไม่แพ้รองเท้า Loafer